top of page
  • Writer's pictureBargain Point

กฎหมายกับทัศนคตินำมาสู่ความสัมพันธ์ที่ดี

Updated: Nov 14, 2023


เมื่อถูกฟ้องคดีแพ่ง ไม่ควรนิ่งเฉย ไม่ติดคุกก็จริง แต่ศาลจะพิจารณาพิพากษาฝ่ายเดียว และสามารถติดตามบังคับคดีกับทรัพย์สินได้ต่อไป ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือการขอไกล่เกลี่ยคดีกับเจ้าหนี้ ถ้าคู่กรณีมาเจรจาพูดคุยกันได้ คดีก็สามารถยุติด้วย โดยการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ทั้งนี้การทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของคู่กรณีทั้งสองฝ่าย





จากกรณีดังกล่าวขอยกตัวอย่างความประทับใจการประกอบวิชาชีพทนายความในการฟ้องร้องดำเนินคดีกับลูกหนี้กลุ่มบัตรเครดิต คือเมื่อลูกหนี้ หรือจำเลย นายคุณอัฐวุฒิ (นามสมมุติ) ได้รับสำเนาคำฟ้อง สิ่งที่ลูกหนี้ หรือจำเลยทำคือโทรติดต่อกลับมายังทนายโจทก์ และได้สอบถามถึงแนวทางการดำเนินคดีว่าเขาต้องทำอย่างไรบ้างในวันนัดศาล ซึ่งทนายได้อธิบายถึงแนวทางการดำเนินคดี ดังนี้

  1. หาก ลูกหนี้ หรือจำเลย สามารถที่จะชำระหนี้ได้ทั้งจำนวน ทนายก็จะดำเนินการยื่นคำบอกกล่าวขอถอนฟ้องคดีให้ ลูกหนี้ หรือจำเลย ก็ไม่จำต้องไปศาลในวันนัดแล้วเพราะถือว่าคดีได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว

  2. แต่หากลูกหนี้ หรือจำเลยไม่สามารถที่จะชำระหนี้ได้ทั้งจำนวน กรณีนี้สามารถขอผ่อนชำระหนี้กับทางโจทก์ตามเงื่อนไขที่โจทก์กำหนดไว้ได้ เช่นกรณียอดหนี้ตามจำนวนทุนทรัพย์ ไม่เกิน 100,000 บาท ลูกหนี้ หรือ จำเลย สามารถผ่อนชำระกับทางโจทก์ได้ 24 งวด หากจำนวนทุนทรัพย์ เกินกว่า 100,000 บาท สามารถผ่อนชำระได้ถึง 36 งวด แล้วแต่จำนวนทุนทรัพย์ที่ลูกหนี้ หรือจำเลยค้างชำระ ซึ่งกรณีนี้ ลูกหนี้ หรือจำเลย นายคุณอัฐวุฒิ (นามสมมุติ) มียอดหนี้ค้างชำระ 80,000 บาท ซึ่งเมื่อนำมาหาร 24 งวด ตกงวดละ 3,300 บาท ส่วนที่เหลือชำระงวดสุดท้าย

  3. หากลูกหนี้ หรือจำเลย นายคุณอัฐวุฒิ (นามสมมุติ) ฟังแนวทางและเงื่อนไขตามที่ได้แจ้งหรืออธิบายแล้วไม่สามารถปฏิบัติ หรือไม่สามารถรับเงื่อนไขได้ กรณีนี้ก็ต้องขอสอบถามกับตัวลูกหนี้ หรือจำเลยว่าประสงค์จะดำเนินการอย่างไร จะให้การต่อสู้คดี หรือ ให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีไปฝ่ายเดียว ทั้งหมดอยู่ที่การคิดและการตัดสินใจ ลูกหนี้ หรือจำเลย นายคุณอัฐวุฒิ (นามสมมุติ) ทนายคงให้แนวทางได้แต่เพียงเท่านี้


ซึ่งจากการสนทนากับลูกหนี้ หรือจำเลย นายคุณอัฐวุฒิ (นามสมมุติ) ได้รับการตอบกลับมาว่าขอผ่อนชำระตามข้อ 2 ที่ทนายได้อธิบายเมื่อสักครู่นี้ ซึ่งทนายได้แจ้งกับทางลูกหนี้ หรือจำเลย นายคุณอัฐวุฒิ (นามสมมุติ) ว่าเดี๋ยวทนายจะดำเนินการจัดทำร่างสัญญาประนีประนอมยอมความเพื่อนำส่งให้ลูกหนี้หรือจำเลย นายคุณอัฐวุฒิ (นามสมมุติ) ได้อ่านและพิจารณาว่าตกลงตามร่างสัญญาประนีประนอมยอมความตามที่ทนายได้นำส่งมาให้นี้ หากอ่านแล้วไม่ติดใจประเด็นใด ในวันนัดศาลสามารถขอศาลเจรจาไกล่เกลี่ย และขอทำสัญญาประนีประนอมยอมความได้ ซึ่งเมื่อพอถึงวันนัดศาล ลูกหนี้ หรือจำเลย นายคุณอัฐวุฒิ (นามสมมุติ) ก็ลงนามในสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลจึงได้มีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลง และสมัครใจ คดีจึงดำเนินการเสร็จสิ้นกระบวนการทางกฎหมาย


ดังนั้นหน้าที่ของทนายไม่ใช่แค่ว่าความในศาล แต่อีกสิ่งที่สำคัญคือ การทำให้ลูกความสบายใจ เพราะการขึ้นศาล เสียเวลา เสียเงิน และท้ายสุดคือ เสียสุขภาพจิต และการช่วยให้ลูกหนี้ หรือจำเลยนายคุณอัฐวุฒิ (นามสมมุติ) สามารถที่จะยุติทางคดีได้ที่ดีที่สุดก็คือ การทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล เพราะ ไม่มีใครแพ้ หรือใครชนะ ถือว่า ชนะด้วยกันทั้งสองฝ่าย

ซึ่งลูกหนี้ หรือจำเลยนายคุณอัฐวุฒิ (นามสมมุติ) ได้กล่าวขอบคุณที่ให้คำชี้แนะ และคำแนะนำ ที่ทำให้ไม่ต้องวิตกวังกล หรือเครียดกับเรื่องนี้มากจนเกินไป เพราะคดีมีทางออกให้ ซึ่งทุกๆครั้งที่ได้รับคำชื่นชมจาก ลูกหนี้ หรือจำเลยนายคุณอัฐวุฒิ (นามสมมุติ) ส่วนตัวรู้สึกว่าภูมิใจในการทำงานและอยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นไปในทุกๆ วัน ให้สมกับเงินค่าจ้างที่นายจ้างได้ว่าจ้างมาให้ทำงาน เพราะท้ายสุดแล้ว ลูกหนี้ หรือจำเลยนายคุณอัฐวุฒิ (นามสมมุติ) ก็คือลูกค้าคนสำคัญของของโจทก์ ขอบคุณค่ะ


bottom of page